การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสายแพทย์ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายที่สุดสำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายในประเทศไทย เนื่องจากการแข่งขันที่สูงมาก ติวสอบเข้ามหาลัยและความคาดหวังจากทั้งสังคม ครอบครัว รวมถึงตัวผู้เข้าสอบเอง ทำให้การเตรียมตัวสอบสายแพทย์นั้นไม่ใช่เพียงการอ่านหนังสือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนอย่างเป็นระบบ ความเข้าใจในแนวข้อสอบ ความอดทน ความมีวินัยในตนเอง และการบริหารจัดการทั้งเวลา

ติวสอบเข้ามหาลัยและสภาพจิตใจให้มีความพร้อมอยู่เสมอเริ่มต้นจากความเข้าใจในระบบการสอบเข้าก่อนว่า ในแต่ละปีมีจำนวนที่นั่งในคณะแพทยศาสตร์จำกัดอย่างมาก และผู้เข้าสมัครจำนวนหลายหมื่นคนจะต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้อันดับดีที่สุดในระบบการคัดเลือกกลาง ไม่ว่าจะเป็นการสอบผ่านระบบ TCAS รอบต่าง ๆ หรือสอบเฉพาะทางในแต่ละสถาบัน ติวสอบเข้ามหาลัยการรู้จักระบบการรับสมัครในแต่ละปีเป็นสิ่งที่จำเป็น นักเรียนควรติดตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของที่ประชุมอธิการบดี

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคือเรื่องแรงจูงใจในการเรียน

และของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อทราบถึงรอบที่เปิดรับ ติวสอบเข้ามหาลัยวิชาที่ใช้สอบ และเกณฑ์คะแนนที่ใช้คัดเลือก เพราะบางคณะอาจมีการใช้คะแนนสอบที่แตกต่างกัน เช่น วิชาเฉพาะ กสพท, วิชา PAT2, O-NET หรือ GPAX และบางแห่งอาจมีการสอบสัมภาษณ์เพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้สมัครต้องวางแผนการอ่านหนังสือและการลงสนามสอบให้สอดคล้องกับสิ่งที่สถาบันต้องการสำหรับวิชาที่ใช้สอบหลัก ๆ ในการเข้าคณะแพทย์มักจะมี วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ติวสอบเข้ามหาลัยโดยเฉพาะฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา รวมถึงภาษาอังกฤษและภาษาไทย ซึ่งแต่ละวิชาต้องการความเข้าใจเชิงลึก

ไม่ใช่เพียงการท่องจำเนื้อหาอย่างผิวเผินเท่านั้นติวสอบเข้ามหาลัย ตัวอย่างเช่น วิชาชีววิทยาไม่ได้ต้องการเพียงแค่การจำชื่อเซลล์หรือกระบวนการในร่างกาย แต่ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างระบบต่าง ๆ ในร่างกายและสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ เช่นเดียวกับเคมีและฟิสิกส์ที่ไม่ได้วัดแค่การท่องสูตร ติวสอบเข้ามหาลัยแต่ต้องวิเคราะห์โจทย์ที่ซับซ้อน และสามารถนำหลักการมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้ การฝึกทำข้อสอบเก่า หรือแนวข้อสอบที่มีความใกล้เคียงกับการสอบจริง

สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพราะการอ่านหนังสือ

จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดของข้อสอบ และสามารถบริหารเวลาได้ดีขึ้นในวันสอบจริงการวางแผนเวลาในการอ่านหนังสือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คอร์สติวสอบเข้ามหาลัยเพราะการอ่านหนังสืออย่างไม่มีระบบจะทำให้เกิดความเครียดและรู้สึกไม่ทันเวลา ควรแบ่งช่วงเวลาการอ่านหนังสือออกเป็นช่วงย่อย ๆ ในแต่ละวัน โดยกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น วันนี้ต้องอ่านบทเรื่องระบบหมุนเวียนโลหิตให้จบ พร้อมฝึกทำโจทย์ในหัวข้อเดียวกัน จากนั้นใช้เวลาทบทวน

และสรุปสิ่งที่ได้เรียนมาเพื่อให้ความรู้ตกผลึกในสมอง นอกจากการอ่านเนื้อหาแล้ว การจดสรุปในรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น mind map หรือแผนภาพสรุป ติวสอบเข้ามหาลัยก็จะช่วยให้เข้าใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถนำมาทบทวนได้ง่ายเมื่อใกล้สอบการติวสอบกับครูผู้สอนหรือสถาบันกวดวิชาที่มีประสบการณ์ในสายแพทย์โดยเฉพาะก็ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่นักเรียนรู้สึกว่าการอ่านหนังสือคนเดียวไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้ง

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.cututoronline.com/คอร์สเรียนออนไลน์/ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย?id_main=3